Desktop 1550x550 13

แนวโน้มตลาดและการลงทุน

Market Focus Weekly 16-06-68

16 มิถุนายน 2568|11:06 น.

อิสราเอล-อิหร่านปะทะหนัก “ทองคำ” และ “น้ำมัน” ผันผวน

Gold Bullish

  • ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่านทวีความรุนแรง
  • ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามในหลายด้าน
  • การเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

Gold Bearish

  • ความผันผวนจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ในตะวันออกกลาง
  • ความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งจะยุติผ่านการทูต

อิสราเอล-อิหร่านปะทะหนัก ราคา “ทองคำ” และ “น้ำมัน” ผันผวน

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 0.5% ในช่วงเช้าวันจันทร์แตะที่ประมาณ 3,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำไว้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยราคาทองคำปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากแรงซื้อของนักลงทุนที่มองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงในสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงแรงหนุนจากความต้องการซื้อของธนาคารกลางและสถาบันการเงินทั่วโลก

ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านทวีความรุนแรง

ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศซึ่งมีสหรัฐฯ และมหาอำนาจอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้นมาก อิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการ “Rising Lion” ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล โดยมุ่งเป้าโจมตีฐานทัพและโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านกว่า 150 จุดใน 6 เมือง รวมถึงกรุงเตหะราน เพื่อสกัดกั้นไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากที่อิหร่านเคยยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อปี 2024 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในกองทัพอิหร่านจำนวนมาก

อิหร่านตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง และผู้นำสูงสุด อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ประกาศเดินหน้าพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ต่อไป พร้อมยกเลิกการเจรจากับสหรัฐฯ ความตึงเครียดนี้ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 7% เนื่องจากความเสี่ยงที่จะเกิดการปิดเส้นทางขนส่งน้ำมันสำคัญอย่างช่องแคบฮอมุช ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันโลก กระตุ้นเงินเฟ้อและเพิ่มแรงกดดันให้อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น

สถานการณ์ความขัดแย้งในอิสราเอลและผลกระทบทางการเมือง

อิสราเอลกำลังเผชิญกับสถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงและซับซ้อนที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยต้องรับมือกับการโจมตีจากหลายทิศทางพร้อมกัน ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าอาจลุกลามกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาค ความขัดแย้งหลักแบ่งออกเป็น 4 ด้านสำคัญ ได้แก่:

  • ฉนวนกาซา – กลุ่มฮามาส เปิดฉากโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 จุดชนวนสงครามครั้งใหญ่ อิสราเอลตอบโต้ด้วย ปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่องในพื้นที่
  • เลบานอน – กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ ยิงจรวดและโดรนจากชายแดนเลบานอนเข้าใส่อิสราเอล นำไปสู่การปะทะรุนแรงตลอดแนวชายแดนตั้งแต่ ต้นปี 2024 เป็นต้นมา
  • เวสต์แบงก์ ความตึงเครียดทวีความรุนแรงจากการปะทะกับกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ขณะเดียวกัน อิสราเอลยังคง ขยายเขตนิคมยิว ทำให้เกิดแรงต่อต้านจากชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่
  • อิหร่านและพันธมิตร อิหร่านเปิดฉากยิงขีปนาวุธและโดรนใส่อิสราเอลโดยตรงเมื่อเดือนเมษายน 2024 นับเป็นการเผชิญหน้าระดับรัฐต่อรัฐที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเสี่ยงลุกลามเป็นสงครามระดับภูมิภาคจากการสนับสนุนของพันธมิตรอิหร่านในตะวันออกกลาง เช่น ซีเรีย อิรัก และเยเมน

ในด้านการเมืองภายใน นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู เพิ่งรอดพ้นจากการถูกยุบสภาอย่างเฉียดฉิว ด้วยคะแนน 61 ต่อ 53 จากทั้งหมด 120 เสียง หลังสามารถเจรจาได้กับพรรคร่วมรัฐบาลกลุ่ม Ultra-Orthodox ในประเด็นกฎหมายยกเว้นเกณฑ์ทหาร ส่งผลให้รัฐบาลยังสามารถดำรงอยู่ได้ต่อไปอย่างน้อยอีก 6 เดือน โดยระหว่างนี้จะไม่มีการยื่นญัตติยุบสภาได้อีก

อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งภายในรัฐบาลยังไม่คลี่คลาย ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งฝ่ายค้านและประชาชน ที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ ขณะที่สถานการณ์ความมั่นคงรอบประเทศยังทวีความตึงเครียดจากความขัดแย้งกับกาซาและอิหร่าน ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางอย่างยิ่ง

ผลกระทบและการตอบสนองของนานาชาติ

หลายประเทศในตะวันออกกลางและชุมชนมุสลิมต่างประณามการโจมตีและเรียกร้องให้เกิดสันติภาพ ขณะที่จีนและสหประชาชาติออกแถลงการณ์เรียกร้องให้หยุดความรุนแรงและแก้ไขปัญหาด้วยการทูต ส่วนสหรัฐฯ ได้แจ้งเตือนและอพยพบุคลากรบางส่วนจากสถานทูตในภูมิภาค พร้อมยืนยันว่าจะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งครั้งนี้ ทางด้านอิสราเอลได้สั่งปิดสถานทูตทั่วโลกและเตือนชาวยิวให้ระมัดระวังมากขึ้น ขณะเดียวกันยังเน้นโจมตีเป้าหมายระดับสูงในอิหร่านเพื่อสร้างแรงกดดันและตอบโต้ทางการเมือง

นักวิเคราะห์มองว่าอิหร่านไม่น่าจะยอมยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ เนื่องจากต้องการหลีกเลี่ยงชะตากรรมแบบลิเบีย ที่เคยละทิ้งโครงการนิวเคลียร์แล้วสุดท้ายรัฐบาลถูกล้มล้าง ส่งผลให้สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายเร็ว ๆ นี้

ขณะเดียวกัน โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้ย้ำคาดการณ์ว่า การเข้าซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง จะดันราคาทองคำขึ้นแตะ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2568 และอาจทะยานขึ้นถึง 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในกลางปี 2569 ขณะที่ธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา (Bank of America) คาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายใน 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในยุคความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก

การคาดการณ์ราคาทองคำจากฮั่วเซ่งเฮง

ราคาทองโลกในช่วงต้นสัปดาห์นี้กลับมาผันผวนอีกครั้งหลังปัจจัยเข้ากระทบ แนะนำรอดูการเคลื่อนตัวในช่วงต้นสัปดาห์ซึ่งซื้อขายอยู่ในกรอบ 3,420-3,450 ดอลลาร์ (เทียบเท่าราคาทองในประเทศขายออกบาทละ 52,500 และ 52,950 บาทตามลำดับ) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจไล่ซื้อตาม หากราคาทะลุแนวต้านที่ระดับ 52,950 บาทขึ้นไป และหากราคาลงทดสอบแนวรับแรกแล้วสามารถฟื้นตัวกลับ อาจทยอยเข้าซื้อสะสมบางส่วน

ดาวน์โหลดเอกสาร

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
Cover 1000x670 13

Market Focus Weekly 23-06-68

11:12 น.

 
Cover 1000x670 09

Daily Recap Gold Spot 23-06-2568

09:22 น.

 
Cover 1000x670 01

Daily Recap Gold Futures 23-06-2568

08:56 น.

 
Cover 1000x670 06

Derivative Recap 23-06-2568

08:33 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

You can choose your cookie settings by enabling/disabling cookies for each category as needed, except for necessary cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้เหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาการล็อกอินของผู้ใช้ การบันทึกสินค้าที่เพิ่มลงในรถเข็น และการบันทึกการตั้งค่าภาษา
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ของบุคคลที่สามเพื่อการวิเคราะห์และการตลาด

    คุกกี้เหล่านี้ถูกตั้งค่าโดยบุคคลที่สาม เช่น ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลหรือผู้ให้บริการโฆษณา และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์เว็บไซต์และการทำการตลาด
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อติดตามการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ และแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งมักจะใช้โดยเครือข่ายโฆษณาภายนอก
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า