แนวโน้มราคาทอง
ทดสอบแนวต้าน $3,390
- ราคาทองปรับตัวลง (-18.57) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.54%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 3,368 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 3,399 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,362 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 52,300 บาท
ต่ำสุด – 52,150 บาท
ภาพการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองโลกปรับตัวลง 18.57 ดอลลาร์ จากการที่ เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ย 4.25-4.50% อีกทั้งยังได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า “เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นอย่างมากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากผลกระทบจากภาษีศุลกากรของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เราต้องการรอเวลาอีกสองสามเดือนหรือนานกว่านั้น เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไร” นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลข GDP สหรัฐฯ ในปีนี้ลงสู่ระดับ 1.4% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.7% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ สู่ระดับ 3.1% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.8% ในขณะที่ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของปธน.ทรัมป์ที่ต้องการให้อิหร่านยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข ส่วนทางฝั่งปธน.ทรัมป์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่อิหร่านได้ติดต่อมาเพื่อเจรจา แต่ทรัมป์กล่าวว่า “มันสายเกินไปที่จะพูดคุย” ทางด้านกองทุน SPDR ซื้อทอง 1.43 ตัน รวมสุทธิ 947.37 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
วิเคราะห์ราคาทอง
เมื่อคืนราคาทองโลกปรับฐานลงทดสอบแนวรับที่ 3,362 ดอลลาร์ และมีการกลับตัวไต่ระดับขึ้น จึงประเมินว่าราคาทองโลกอาจมีการฟื้นตัวระยะสั้น โดยมีแนวต้านที่ระดับราคา 3,390 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 3,363 และ 3,350 ดอลลาร์
แนวต้าน : 3,390 และ 3,410 ดอลลาร์
ราคาทองโลกมีการฟื้นตัวจากแนวรับ แต่ Upside อาจมีจำกัด แนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าซื้อจากแนวรับที่ 3,363 ดอลลาร์ โดยมีเป้าทำกำไรที่ 3,390 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 3,350 ดอลลาร์ลงไป
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 52,000 และ 51,700 บาท
แนวต้าน : 52,500 และ 52,800 บาท
ทองคำในประเทศมีการไต่ระดับขึ้นจากปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จึงแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อจากแนวรับที่ 52,000 บาท โดยมีเป้าทำกำไรที่ 52,500 บาท และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 51,700 บาทลงไป